2 ปีผ่านไป ยังมีคนเคยติดโควิดจำนวนมากที่ยังขยะแขยงกับรสชาติอาหารอยู่
คนหลายพันคนที่ติดโควิดตอนการระบาดใหญ่เริ่มต้นใหม่ ๆ ยังรู้สึกขยะแขยงกับอาหารบางประเภท เครื่องอาบน้ำบางอย่าง หรือแม้กระทั่งกลิ่นตัวของคนรัก การรับประทานอาหารและร่วมเฉลิมฉลองกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อาจทำให้คนที่มีอาการ Parosmia (พาร์สเมีย) หรือการรับรู้กลิ่นและรสเพี้ยน รู้สึกแปลกแยกเป็นพิเศษ
สำหรับมิลลี เด็กวัย 16 ปีจากเมืองโบลตันในอังกฤษ นี่เป็นปีที่สองแล้วที่เธอต้องใช้ที่หนีบจมูกเวลาทานอาหารฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว เธอเล่าว่าชีส เนื้อสัตว์ หัวหอม และช็อกโกแลต มีกลิ่นเหมือน “ความตาย” ทั้งเหม็นเน่าและเลวร้ายมาก
มิลลีเริ่มมีอาการ Parosmia (พาร์สเมีย) 3 เดือนหลังจากติดโควิดและก็ไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เชื่อกันว่าอาการนี้เกิดจากการที่เซลล์ประสาทพิเศษในจมูกไม่สามารถจับกลิ่นและแปลงข้อมูลในลักษณะที่สมองสามารถเข้าใจได้มิลลีเล่าว่า นี่ไม่ได้ส่งผลต่ออาหารการกินของเธอเท่านั้น ชีวิตสังคมและสุขภาพจิตเธอก็ได้รับผลกระทบด้วย
“ฉันไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเท่าเดิมเพราะไม่ได้ไปทานอาหารเพื่อความสนุก ฉันกินเพราะจำเป็นต้องกินเท่านั้น”
น้องสาวฝาแฝดของมิลลีติดโควิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันแต่ไม่ได้มีอาการเหล่านี้ และตัวเธอเองก็ไม่รู้จักคนอื่นที่มีอาการพาร์สเมีย
ประเมินกันว่าราว 65% ของคนที่เป็นโควิดจะไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้ไปชั่วคราว หรือเรียกกันว่า “anosmia” และอย่างน้อย 10% จะมีอาการจนกลายเป็น “parosmia” และจะมีบางคนที่อาจเป็นอาการพบได้ยากที่เรียกว่า “phantosmia” ซึ่งเป็นการได้กลิ่นสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่จริงตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าทำไมโควิดทำให้เกิดอาการพาร์สเมีย แต่คาดกันว่าการติดเชื้อโควิดไปทำให้ประสาทรับรู้ในจมูกของคนเราเสียหาย
กาแฟ เนื้อสัตว์ หัวหอม กระเทียม ไข่ และยาสีฟันรสมิ้นต์ เป็นของที่หลายคนที่มีอาการพาร์สเมียบอกว่าได้กลิ่นแล้วทำให้ขยะแขยง แต่ก็มีอีกหลายกลิ่นที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์พากันงุนงงว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เช่นบางคนบอกว่าน้ำก๊อกมีกลิ่นเหมือนท่อระบายน้ำ หรือกลิ่นเครื่องสำอางเหมือนเส้นผมเวลาไหม้